สภาพเศรษฐกิจที่ผันผวน: ทำให้ผู้ประกอบการ SME หลายรายต้องเผชิญกับยอดขายที่ลดลง แต่ค่าใช้จ่ายและภาระหนี้ยังคงอยู่

การขาดแผนการเงินที่ชัดเจน: ธุรกิจขนาดเล็กมักไม่มีแผนจัดการหนี้อย่างเป็นระบบ ทำให้ดอกเบี้ยทบต้นกลายเป็นภาระที่หนักขึ้น

ข้อจำกัดในการเจรจากับธนาคาร: เจ้าของธุรกิจหลายคนไม่มีความรู้หรือทักษะในการต่อรองกับสถาบันการเงิน จึงไม่ได้รับเงื่อนไขที่เหมาะสม

หนี้สินเกินตัว: การกู้เงินเพื่อขยายธุรกิจแต่ขาดการวางแผน ทำให้ธุรกิจบางส่วนตกอยู่ในสภาวะหนี้ท่วม

1. วิเคราะห์สถานการณ์หนี้สิน
ตรวจสอบและประเมินภาระหนี้ทั้งหมด วิเคราะห์รายรับ-รายจ่าย และสถานะทางการเงินของธุรกิจ

2. วางแผนการแก้หนี้
เสนอแผนการปรับโครงสร้างหนี้ ยืดระยะเวลาชำระหนี้ ลดดอกเบี้ย หรือแบ่งจ่ายเป็นงวดที่เหมาะสม

3. เจรจากับธนาคาร
ทำหน้าที่เป็นตัวแทนเจรจาต่อรองกับธนาคาร ช่วยให้เงื่อนไขการชำระหนี้ผ่อนปรนขึ้น เพื่อให้ธุรกิจเดินหน้าต่อได้

4. ให้คำปรึกษาด้านกฎหมายการเงิน
ให้คำแนะนำเกี่ยวกับสัญญาและเงื่อนไขทางกฎหมาย ป้องกันความเสี่ยงทางกฎหมายที่อาจเกิดขึ้น

1. รับคำปรึกษาฟรี
นัดหมายเพื่อประเมินสถานการณ์หนี้และให้คำแนะนำเบื้องต้น

2. วิเคราะห์ปัญหาเชิงลึก
ศึกษาเอกสารหนี้สิน วิเคราะห์ศักยภาพการเงิน และออกแบบแผนการชำระหนี้

3. เจรจาต่อรองกับธนาคาร
เราจะเป็นตัวแทนของคุณในการประสานงานและเจรจากับธนาคาร

4. ติดตามผลการดำเนินงาน
ตรวจสอบและปรับแผนตามสถานการณ์ เพื่อให้คุณก้าวพ้นวิกฤตได้อย่างยั่งยืน

เคสที่ 1: โรงงานผลิตสินค้าขนาดเล็ก
ปัญหา: ธุรกิจมีภาระดอกเบี้ยสูงถึง 10% และไม่สามารถจ่ายเงินต้นได้
การแก้ไข: เราช่วยเจรจาขอลดดอกเบี้ยเหลือ 5% และพักชำระเงินต้นเป็นเวลา 6 เดือน
ผลลัพธ์: ธุรกิจสามารถฟื้นตัวและกลับมาชำระหนี้ได้ตามปกติ

เคสที่ 2: ร้านอาหาร
ปัญหา: รายได้ลดลงจากโควิด-19 ทำให้มีหนี้สะสมจากสินเชื่อ SME
การแก้ไข: เจรจาขยายระยะเวลาชำระหนี้จาก 5 ปีเป็น 10 ปี และลดงวดชำระต่อเดือน
ผลลัพธ์: เจ้าของร้านสามารถบริหารเงินสดและปรับแผนธุรกิจได้